

10 July 2024
แผง Bi-facial และ แผง Mono-Half-cell ต่างกันอย่างไร
กรณีศึกษาการใช้งานแผง Bi-facial
จากรูปเป็น 2 สถานที่ ที่มีการติดตั้งโซล่าเซลล์ขนาดใกล้เคียงกัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้ต่างกันอย่างมีนัยยะ โดยการติดตั้งมีสิ่งที่แตกต่างกันคือ
1. แผงที่ใช้สำหรับสถานที่ A คือแผง Mono Bi facial ขนาด 430w จำนวน 60 แผง หรือกำลังผลิตรวม 25.8 kw และ inverter ที่ใช้มีขนาด 20kw ติดตั้งบนพื้นดาดฟ้า(ทาสีขาว)โดยหันหน้าแผงสู่ทิศใต้ทั้งหมด4string ที่ 15 องศา
2. แผงที่ใช้สำหรับสถานที่ B คือแผง Mono PERC ขนาด 410w จำนวน 64 แผง หรือกำลังผลิตรวม 26.2 kw และ inverter ที่ใช้มีขนาด 20kw ติดตั้งบนพื้นดาดฟ้าโดยหันหน้าแผงสู่ทิศใต้ 2 string ที่มุมเอียง 15 องศาและทิศตะวันตก 2 string บนหลังคามุมเอียงประมาณ 5 องศา
- จากเงื่อนไขทั้งหมด ผลลัพธ์ที่ได้ในช่วงเวลาเดียวกัน แผง bi facial ให้กำลังผลิตที่สูงกว่าตั้งแต่ช่วงเริ่มทำงาน จนกระทั่ง 11โมงเช้า จะผลิต ไฟฟ้าจนเต็มกำลังผลิตของ inverter ที่ประมาณ 22 kw ซึ่งถ้าดูจากกราฟ แล้วจะเห็นว่า กำลังผลิตสามารถขึ้นไปได้มากกว่านี้ แต่เนื่องจากขีดจำกัด ของ inverter เอง และจะตกลงต่ำกว่า 22 kw ที่เวลาประมาณ บ่ายสองโมง จนกระทั่งหมดวัน
- ผลผลิตทางไฟฟ้าที่ได้จากแผง bi facial มากกว่าแผง mono perc ถึง 25%-30% ต่อวัน และในความเป็นจริงเราสามารถลดจำนวนแผงที่ติดตั้ง ลงได้อีกอย่างน้อย 4 แผง เพื่อไม่ให้กำลังผลิตมากเกินกว่าเกินขีดจำกัดของ inverter ในวันที่แดดดีๆ เนื่องจากการที่ inverter ทำงานเต็มกำลัง 100% จะทำให้ประสิทธิภาพของ inverter ลดลง แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงแดดอ่อนๆ ก็จะทำให้ผลผลิตไฟฟ้าลดลงเช่นเดียวกัน ซึ่งต้องตัดสินใจถึงผลดังกล่าว ถ้าจะลดจำนวนแผงลงด้วย
ผลสรุป
การติดตั้งแผง bi facial จะทำให้กำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นอย่างน้อย 20% ได้จริงเมื่อเทียบกับแผงโซลาร์เซลล์ประเภทอื่นในขนาดกำลังผลิตที่ เท่ากันและรูปแบบการติดตั้งเหมือนกัน (ภายใต้เงื่อนไขการสะท้อนแสงที่ดี ใต้แผง)
อย่างไรก็ตามบททดสอบนี้จะทำการปรับปรุงทิศทางและองศาการติดตั้งแผงสำหรับแผง mono perc ใหม่ให้ใกล้เคียงกับการติดตั้งของแผง bi facial ซึ่งได้ผลลัพธ์อย่างไรจะมานำเสนอในโอกาสต่อไป พร้อมทั้งการทดสอบ การติดตั้งบนหลังคาด้วย
ที่มา : Chalermpon Satayavutipong