คำถามนี้จะพบบ่อยมากสำหรับผู้ติดตั้งโซลาร์เซลล์รวมถึงทั้งเจ้าของบ้านเอง ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจก่อนก็คือ…

วัตต์ที่ระบุในแผงคือค่าที่เรียกว่าค่าในอุดมคติ (ideal) หมายถึงค่านี้ ถูกกำหนดภายใต้เงื่อนไขต่างๆเช่น อุณหภูมิของเซลล์ในแผงต้องอยู่ที่ 25องศา ภายใต้ความกดอากาศ(Atmospheric pressure)ที่ 1.5 และค่าแดด(irradiance)ที่ 1,000 w/ตร.ม ซึ่งความเป็นจริงเวลานำไป ติดตั้งบนหลังคาค่าดังกล่าวจะเปลี่ยไปโดยสิ้นเชิง ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมเวลานำแผงไปติดตั้ง บนหลังคาจึงได้วัตต์น้อยกว่าที่ระบุไว้ในแผง

สิ่งที่จะพิสูจน์ให้เห็นได้ในทางรูปธรรมคือวัดค่าแรงดันและกระแส ณ จุด ติดตั้งแล้วนำมาคูณกันก็จะได้วัตต์ที่แท้จริงของแต่ละแผงณ.เวลานั้น หรือถ้าให้ง่ายกว่านั้นคือใช้โปรแกรม pvsyst ช่วย simulate ให้ก่อน การติดตั้ง

ภาพที่เห็นคือสิ่งที่โปรแกรมpvsyst simulate มาได้ โดยสถานที่แห่งนี้ มีการติดตั้งจริงที่ 20kw แผงหันหน้าไปทางทิศตะวันออกและตะวันตก เอียงทำมุมประมาณ 20 องศา

จากภาพจะเห็นว่า ยอดกราฟที่สูงที่สุดจะอยู่บริเวณ 15-16kw เท่านั้น ซึ่งสิ่งนี้โปรแกรมกำลังบอกเราว่าการติดตั้งโซลาร์เซลล์ที่ขนาดดังกล่าวโดยมีทิศทางและองศาอย่างที่ว่ามา กำลังไฟฟ้าเฉลี่ยสูงสุด(ในวันที่แดดดี) จะอยู่ประมาณ 15-16kw เท่านั้น

แต่อย่างไรก็ตาม จากกราฟที่เห็น โอกาสที่จะไปถึง 18kw ก็มีทางเป็นไปได้ เช่นในฤดูหนาวที่อุณหภูมิพอเหมาะ และแดดดีมากๆ ซึ่งอาจจะมีวันนั้น แค่ไม่กี่วันในหนึ่งปี แต่ที่แน่ๆคือ ไปไม่ถึง 20kw อย่างแน่นอน

กล่าวโดยสรุปก็คือ การจะดูผลประโยชน์ที่ได้จากโซลาร์เซลล์ ให้ดูที่ yield หรือหน่วยไฟฟ้า(kwh) ที่โซลาร์เซลล์ผลิตได้เป็นหลัก อย่าไปดูที่กำลังผลิต เนื่องจากเหตุผลที่กล่าวมา

การประเมิน yield เบื้องต้น จากการติดตั้งบนหลังคาตามบ้านหรืออาคาร โดยทั่วไป ให้คิดค่าแดดที่ 4 ชม. แล้วนำไปคูณกับกำลังผลิตของโซลาร์เซลล์ ที่ติดตั้ง ก็จะได้ผลผลิตไฟฟ้าเฉลี่ยทีโซลาร์เซลล์ช่วยเราประหยัดได้ เช่นกรณีนี้ก็คือ 4x20=80 kwh ต่อวัน หรือ 2,400 หน่วยต่อเดือน หรือประหยัดค่าไฟไปประมาณ 10,000 บาทต่อเดือน (ตัวเลขนี้เป็นการ ประมาณการในเบื้องต้นเ่ทานั้น)

ที่มา : Chalermpon Satayavutipong